ใช้เวลาคิดอยู่นานว่าควรเขียนเรื่องนี้ดีไหม? กับเทคนิคขายดีด้วย reframing เพราะแง่หนึ่งก็ช่วยให้คนทำธุรกิจที่ได้รู้จักเทคนิคนี้ ขายด้วยผลลัพธ์และความรู้สึกได้ดีขึ้น! แต่อีกแง่ก็มีความอันตรายของการนำไปใช้ แต่ sitetion and seo ก็ได้ตัดสินใจเลือกตีแผ่การขายและการตลาดแบบใหม่ให้กับคุณ! คุณจะได้รู้ว่า reframing คืออะไร? ถือเป็นเทคนิคที่เหล่านักการตลาดระดับโลกต่างเลือกใช้ ที่สามารถเปลี่ยนให้ผู้หญิงในยุค 1920 หันมาสูบบุหรี่เป็นจำนวนมาก เพราะเกิดความรู้สึกว่า นี่คือความเป็นอิสระและความเท่าเทียม! นอกจากนี้ยังทำให้คนอเมริกันหันมากินเบคอนในตอนเช้า! ซึ่งแต่ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีใครกินกันเลย! นั่นหมายความว่าพฤติกรรมคนเปลี่ยนได้จริงอย่างนั้นหรือ? แล้วจะนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้อย่างไร? ลองตามไปดูกัน คุณจะได้รู้ว่าเทคนิคนี้นำไปใช้แบบไหนได้บ้าง?
reframing คืออะไร ทำไมถึงขายได้ทรงพลังมาก?
reframing คือ ทฤษฎีของคุณเอ็ดเวิร์ด เบอร์เนย์ส (edward bernays) นักจิตวิทยาที่เป็นบิดาแห่งการประชาสัมพันธ์และการโฆษณา! ผู้เป็นหลานชายของซีคมุนท์ ฟร็อยท์ (sigmund freud) เจ้าของทฤษฎีจิตวิเคราะห์! ด้วยการนำหลักทางจิตวิทยาผสานเข้ากับการโฆษณา จึงเกิดเป็น reframing หรือเทคนิคการเปลี่ยนกรอบความคิดคนใหม่! หากคุณได้รู้ว่าทำอย่างไร? คุณจะเข้าถึงศิลปะการนำเสนอสินค้าและบริการจากมุมมองเก่าเปลี่ยนเป็นมุมมองใหม่! ทำให้สินค้าและบริการคุณดูน่าสนใจและมีคุณค่ามากกว่าการขายแบบเดิมๆ
ถ้าจะให้อธิบายให้คุณเห็นภาพเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ ก็เปรียบเสมือนการเปลี่ยนกรอบรูปภาพ จากกรอบรูปพลาสติกสีขาวธรรมดา เป็นกรอบลายไม้สีวอลนัทสุดหรูที่มีการแกะสลักลวดลายสวยงามสุดคลาสสิก! แม้รูปภาพเป็นภาพเดิม ซึ่งนั่นเราไม่ได้หมายถึงภาพจริงๆ แต่รูปภาพในที่นี้ก็คือ สินค้าและบริการของคุณ! ดังนั้นเมื่อมีกรอบใหม่มาเสริมเติมแต่ง นั่นก็จะทำให้รูปภาพดูมีค่าและดูน่าสนใจยิ่งขึ้น!
นักการตลาดระดับโลกใช้เทคนิค reframing เพราะ?
คุณเคยสงสัยไหม? ทำไมสินค้าเหมือนกันถึงขายได้ราคาต่างกัน? แล้วทำไมคนบางคนถึงยอมจ่ายแพงกว่า? ความลับอยู่ที่การใช้เทคนิค reframing อย่างเชี่ยวชาญ! sitetion and seo จะมาเผยกลยุทธ์ลับที่นักการตลาดระดับโลกนำมาใช้ ที่เปลี่ยนกรอบความคิดลูกค้าได้และสร้างยอดขายให้พุ่งทะยาน! ถ้าคุณตัดสินใจอ่านจนจบ เทคนิคนี้จะเปลี่ยนธุรกิจของคุณไปตลอดกาล!
5 ข้อดีเมื่อคุณได้ปลดล็อกศาสตร์การขาย reframing
- ช่วยเปลี่ยนจุดโฟกัสจาก “ราคา” ไปสู่ “คุณค่า”
- สร้างการรับรู้ใหม่ให้กับลูกค้า เพื่อดึงดูดความสนใจและเอื้อต่อการตัดสินใจซื้อ
- แก้ไขข้อโต้แย้งของลูกค้าล่วงหน้า
- สร้างความแตกต่างในตลาดที่แข่งขันสูง
- เปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าใหม่จาก “ขอคิดดูก่อน” เป็น “เอาเลย”
ผลประโยชน์ระยะสั้น
- เพิ่มการรับรู้คุณค่า : ลูกค้าเห็นประโยชน์ที่ไม่เคยสนใจ
- ลดความกังวลเรื่องราคา : ราคากลายเป็นปัจจัยรองลงไป
- เพิ่มอัตราการปิดการขาย : ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น
- สร้างความแตกต่าง : โดดเด่นจากคู่แข่งในตลาด
ผลประโยชน์ระยะยาว
- สร้างความภักดีของลูกค้า : ลูกค้าเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของทางแบรนด์
- ลดการเปรียบเทียบราคา : ลูกค้ามองที่คุณค่า ไม่ใช่ราคา
- เพิ่มการแนะนำต่อ : ลูกค้าพอใจและอยากแนะนำคนอื่นต่อ
- สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง : ความเชื่อมั่นในธุรกิจเพิ่มขึ้น
6 เทคนิค reframing ที่ใครได้ใช้ก็ทำให้ขายดีได้ทันที
ถ้าคุณอยากใช้เทคนิคนี้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าใช้อย่างไร? ลองมาดู 6 เทคนิคนี้พร้อมตัวอย่างกัน
1. เปลี่ยนจาก “ราคาแพง” เป็น “การลงทุนราคาถูก” (price reframing)
แบบเดิม : เสื้อตัวนี้ราคา 2,500 บาท
ขายด้วยมุมมองใหม่ : เสื้อคุณภาพแบรนด์นี้อยู่กับคุณได้ 2-3 ปี คิดเป็นต้นทุนเพียงวันละ 2-3 บาท ถูกกว่าค่ากาแฟที่คุณดื่มทุกเช้าเสียอีก!
เทคนิคเพิ่มเติม
- แบ่งราคาเป็นรายวัน, รายเดือนหรือรายปี
- เปรียบเทียบกับสิ่งที่ลูกค้าซื้อเป็นประจำ
- เน้นสื่อสารถึงความคุ้มค่าระยะยาวให้ลูกค้ารับรู้
2. แปลงจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง (weakness to strength reframing)
จุดอ่อน : โทรศัพท์รุ่นนี้แบตไม่ค่อยอึด
ขายด้วยมุมมองใหม่ : รุ่นนี้มาพร้อมขุมพลังประมวลผลระดับเทพ ให้ประสบการณ์เกมที่ลื่นไหลและภาพถ่ายระดับมืออาชีพ! นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เครื่องใช้พลังงานมากกว่า แต่เราเพิ่มเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่เติมพลังได้ 50% เพียงใช้เวลาแค่ 15 นาที!
เทคนิคเพิ่มเติม:
- อธิบายเหตุผลเชิงบวกเพื่อทำลายจุดอ่อน
- เสนอทางออกที่ดีกว่าให้ลูกค้าฟัง 1 2 3 4
- เน้นประโยชน์ที่ได้รับแลกกับจุดอ่อน
3. สร้างความรู้สึกผิดทางจิตวิทยา (loss aversion reframing)
แบบเดิม : ตอนนี้ลดราคาเหลือ 490 บาท
ขายด้วยมุมมองใหม่ : วันนี้คุณจะได้เงิน 300 บาทคืนกลับไปในกระเป๋า! เงินก้อนนี้คุณสามารถนำไปซื้ออาหารมื้อพิเศษ! หรือเก็บเข้ากระปุกออมสินสำหรับเป้าหมายที่ใหญ่กว่า!
4. กดดันไปที่ความกลัว (fear-based reframing)
แบบเดิม : ประกันนี้มีค่าเบี้ย 10,000 บาทต่อปี
ขายด้วยมุมมองใหม่ : ด้วยเงินเพียง 27 บาทต่อวัน ที่น้อยกว่าค่าอาหารว่างบางมื้อ คุณก็ได้รับโล่คุ้มครองชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง! คุณจะยอมเสี่ยงชีวิตและอนาคตของครอบครับเพื่อประหยัดเงินแค่วันละชาไข่มุก 1 หนึ่งแก้วจริงหรือ? / เพียงแค่ไม่ซื้อชาไข่มุกวันละแก้ว คุณก็มีเงินปกป้องครอบครัวตลอดปีแล้ว!
5. เปลี่ยนจากการจ่ายเป็นการลงทุน (investment vs cost reframing)
แบบเดิม : คอร์สเรียนนี้ราคา 12,000 บาท
ขายด้วยมุมมองใหม่ : ความรู้จากคอร์สนี้จะสร้างรายได้เพิ่มให้คุณเดือนละ 5,000 บาท คืนทุนใน 3 เดือน! และสร้างกำไรไม่รู้จบ คุณยังจะรอช้าอยู่ทำไม?
6. สุขภาพคือการลงทุนที่คุ้มค่า (health investment reframing)
แบบเดิม : คอร์สฟิตเนส 3 เดือนราคา 6,000 บาท
ขายด้วยมุมมองใหม่ : ลงทุนเพียง 6,000 บาทวันนี้ เพื่อร่างกายแข็งแรงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทุกวัน! คุณรู้ไหมว่าค่ารักษาโรคเรื้อรังเฉลี่ยสูงถึง 150,000 บาทต่อปี เมื่อเทียบกันแล้ว นี่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต!
เตรียมตัวก่อนใช้ reframing อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณขายอะไร? ก็ขายดี!
จะเริ่มต้นใช้ reframing ได้เลยทันทีหรือเปล่า? จะได้นำเทคนิคนี้ไปใช้กับธุรกิจให้ขายดีขึ้น sitetion and seo ขอแนะนำว่า คุณควรเตรียมตัวและวางแผนก่อนใช้ ตามรายละเอียดดังนี้
1. รู้จักลูกค้าให้ลึก!
- ศึกษาลูกค้าว่ามีความต้องการอย่างไร?
- ลูกค้ามีข้อกังวลและความกลัวเป็นอย่างไร?
- ค่านิยมและความเชื่อของลูกค้าติดอยู่กับเรื่องไหน?
- ประสบการณ์การซื้อในอดีต เป็นแง่บวกหรือลบ?
2. วิเคราะห์จุดอ่อนของสินค้า/บริการ
- ค้นหาจุดอ่อนที่ลูกค้ามักโต้แย้ง
- ค้นหาเหตุผลที่สินค้าชิ้นนี้จะทำให้ลูกค้าลังเล
- เปรียบเทียบกับคู่แข่งในแง่ไหนได้บ้าง?
3. กำหนดกรอบความคิดใหม่
- เลือกมุมมองที่เอื้อต่อการตัดสินใจของลูกค้า
- เตรียมเรื่องราวและตัวอย่างสนับสนุน เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่น!
- ฝึกฝนการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติ พร้อมใช้ทัศนคติในเชิงบวกให้มาก
หลักการใช้ reframing ในการขาย ขายด้วยผลลัพธ์และความรู้สึก ทำอย่างไร?
คุณอาจเคยได้ยินที่นักการตลาดพูดกันบ่อยๆ ว่าแทนที่จะขายสินค้าแบบเดิมๆ ให้ขายด้วยผลลัพธ์และความรู้สึก นั่นเขาขายกันอย่างไร? เพียงคุณใช้หลักการ reframing ในการขาย ก็เหมือนคุณใส่กรอบใหม่ให้กับรูปภาพ ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ทำให้คุณขายไปถึงความรู้สึกได้เช่นกัน!
ตัวอย่างการเปรียบเทียบการขายแบบเดิมกับแบบ reframing :
การขายแบบเดิม | การขายแบบ reframing ขายด้วยผลลัพธ์และความรู้สึก |
กล้องนี้มีความละเอียด 42 ล้านพิกเซล | กล้องนี้จะช่วยให้คุณเก็บความทรงจำอันล้ำค่ากับครอบครัวได้อย่างคมชัด |
เตียงนอนใช้หมอนรองพรีเมียม | คุณจะตื่นขึ้นมาสดชื่นทุกเช้า ไม่มีอาการปวดหลังอีกต่อไป |
สื่อสารด้วย hook แบบ reframing ให้ลูกค้า 100 คน หยุดดูสินค้าและบริการคุณ 100 คน
hook คือ สิ่งที่หยุดนิ้วคนตั้งแต่วินาทีแรก! หากคุณปรับการสื่อสาร hook ด้วย reframing จะช่วยให้คนที่เคยผ่านมา กลายเป็นลูกค้าคุณได้ง่ายขึ้น โดยใช้เทคนิค ดังนี้
1. เปิด hook ด้วยการใช้คำถามกระตุ้นความคิด
- คุณเคยคิดดูไหมว่า?
- ถ้าคุณมองในมุมนี้!
- ลองนึกภาพดูว่า
2. เปิด hook ด้วยการเล่าเรื่องราวที่สะเทือนใจ
- ประสบการณ์จริงของลูกค้าคนอื่น
- ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- ผลลัพธ์ที่จับต้องได้
3. เปิด hook ด้วยการสร้างภาพในใจ
- ช่วยให้ลูกค้าจินตนาการอนาคต
- ให้รายละเอียดที่เป็นรูปธรรม
- เชื่อมโยงกับความฝันและเป้าหมาย
ข้อควรระวังในการใช้ reframing
หลักจริยธรรม คือ เรื่องสำคัญในการทำการตลาดและการขายด้วย reframing นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่คุณควรรู้และควรระมัดระวังในการใช้เทคนิคนี้เพิ่มเติมด้วย
1. รักษาความซื่อสัตย์เสมอ
- reframing ต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริง
- ระมัดระวังการเขียนในเชิงหลอกลวง
- สัญญาเฉพาะสิ่งที่สามารถทำได้จริง
2. อย่าเกินจริงหรือพูดโอเวอร์
- หากสัญญาเกินจริง ลูกค้าจะผิดหวังและเสียความไว้วางใจ
- มีผลกระทบระยะยาวต่อชื่อเสียงธุรกิจ
- อาจเกิดปัญหาทางกฎหมายได้
3. ต้องเข้าใจและเคารพลูกค้า
- reframing ที่ไม่ตรงกับความต้องการจะไม่ได้ผล
- ต้องเข้าใจวัฒนธรรมและค่านิยมของกลุ่มลูกค้า
- หลีกเลี่ยงการใช้ความกลัวและความวิตกกังวลกับลูกค้ามากเกินไป
4. สถานการณ์ไหน? ที่ควรใช้ reframing ในการขายและการตลาด
- เมื่อลูกค้าลังเลเรื่องราคา
- เมื่อต้องการอธิบายคุณค่าของสินค้า
- เมื่อต้องแก้ข้อโต้แย้งของลูกค้า
- เมื่อต้องสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
5. สถานการณ์ไหน? ไม่ควรใช้ reframing ในการขายและการตลาด
- เมื่อลูกค้าต้องการข้อมูลเทคนิคเพียงอย่างเดียว
- เมื่อลูกค้าไม่พร้อมรับฟังหรือรีบมาก
- ในสถานการณ์ที่เป็นทางการจนเกินไป
ตัวอย่างการนำ reframing ไปใช้จริงในธุรกิจต่างๆ
ถ้าคุณอยากเข้าใจมากขึ้น ลองมาศึกษาตัวอย่าง reframing กับธุรกิจต่างๆ ดังนี้
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
แบบเดิม : บ้านหลังนี้ราคา 3.5 ล้านบาท
เปลี่ยนกรอบความคิดใหม่ : นี่คือการลงทุนในฝัน พื้นที่แห่งครอบครัวที่มีค่ามากกว่าเงิน บ้านที่จะเติบโตไปพร้อมกับลูกของคุณ สร้างความทรงจำอันล้ำค่าและมอบความมั่นคงให้คนที่คุณรักตลอดไป
ธุรกิจการศึกษา
แบบเดิม : คอร์สภาษาอังกฤษ 3 เดือน ราคา 15,000 บาท
เปลี่ยนกรอบความคิดใหม่ : ลงทุน 15,000 บาทเพื่อปลดล็อกโลกใบใหม่ เงินเดือนที่เพิ่มขึ้น โอกาสทำงานที่ดีกว่าและความมั่นใจในการสื่อสารทุกพื้นที่บนโลก ผลตอบแทนที่คุณจะได้รับจะเป็นเท่าไร?
ธุรกิจเครื่องสำอาง
แบบเดิม : ครีมนี้ราคา 2,500 บาท
เปลี่ยนกรอบความคิดใหม่ : ทุกเช้าที่คุณมองกระจก คุณจะเห็นความมั่นใจที่เปล่งประกายออกมา เพียง 2,500 บาท คุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ ทุกวัน เป็นเวลานานกว่า 3 เดือน ถ้าคิดเป็นความสุขก็แค่วันละ 28 บาท
ธุรกิจรถยนต์
แบบเดิม : รถยนต์คันนี้ราคา 1.2 ล้านบาท
เปลี่ยนกรอบความคิดใหม่ : นี่ไม่ใช่แค่รถ แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะพาครอบครัวคุณไปสู่ทุกประสบการณ์ดีๆ ในชีวิต ความปลอดภัยที่แน่นอน, ความสะดวกสบายทุกการเดินทางและความผูกพันที่จะสร้างขึ้นในทุกไมล์ที่ผ่านไป
ธุรกิจฟิตเนส
แบบเดิม : สมาชิกยิม 12 เดือน ราคา 18,000 บาท
เปลี่ยนกรอบความคิดใหม่ : ลงทุนกับตัวเอง ราคาเท่าไหร่? ถึงดีที่สุด! เพียงวันละ 50 บาท เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง, ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นและพลังงานใหม่ๆ จะทำให้ทุกวันของคุณดีขึ้น แล้วคุณพร้อมเริ่มต้นใหม่เมื่อไหร่ดี?
สรุป
นี่เป็นเพียงแค่ความรู้แค่เสี้ยวเดียวเพียง 10% ใน ebook ศิลปะแห่งการเบี่ยงเบนความสนใจ ขายออนไลน์ยังไงให้คนอยากควักเงินซื้อ ด้านความสวยความงาม เล่ม 1 เพียงเทคนิคการขายแบบ reframing ที่นำมาเผยให้คุณได้รู้ก็ช่วยให้คุณปลดล็อกการขายได้! ถ้าคุณอยากรู้มากกว่านี้หรืออยากรู้มากขึ้นทั้งเคล็ดลับการใช้ reframing ระดับมาสเตอร์! และเทคนิคการเขียนขายแบบอื่นๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น คุณอย่าพลาดโอกาสสั่งซื้อหนังสือ ebook เล่มนี้ จากราคาปกติ 999.- พิเศษช่วงเปิดตัว🎯 699.- สามารถแชตสั่งซื้อหนังสือ .pdf ผ่านไลน์หรือว่าคุณอยากสั่งซื้อ ebook ผ่าน meb market คุณก็จะค้นพบเทคนิคขายของออนไลน์ที่แตกต่าง แม้คุณจะเป็นนักธุรกิจสไตล์ introvert แค่ไหน? ก็ขายของให้ลูกค้าได้ ทำให้ลูกค้าอยากควักเงินซื้อสินค้าและบริการคุณได้ง่ายขึ้น! นอกจากนี้คุณยังสามารถตามอ่านบทความเกี่ยวกับการขายและการตลาดฟรี! กับที่นี่ได้ทุกเวลา!