การศึกษาล่าสุดจาก harvard business review ร่วมกับ mit technology review เผยข้อมูลการทำ seo ช่วยเปลี่ยนแปลงธุรกิจและอาจทำให้คุณต้องทบทวนกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจใหม่ทั้งหมด ซึ่งนักธุรกิจที่ฉลาดที่สุดกำลังทำสิ่งในที่คุณไม่รู้ เขาลดการเสียเงินค่าโฆษณาทุกวันจาก facebook, google ads และค่าโฆษณาอื่นๆ และหันมาลงทุนกับ seo เพิ่ม เพราะ seo ช่วยทำให้ได้รับ roi (return on investment) สูงกว่า 400% เมื่อเปรียบเทียบกับการโฆษณาแบบเดิม ตาม sitetion and seo ไปดูข้อมูลลับๆ เพิ่มเติมกัน!

ปัญหาที่เจ้าของธุรกิจกำลังเผชิญในการทำ seo
ในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน ธุรกิจที่ไม่ได้ทำ seo กำลังเผชิญกับความท้าทายร้ายแรง ที่หลายคนอาจมองข้าม คุณรู้ไหม? การทำ seo สำคัญ! ถ้าไม่ทำคุณกำลังสูญเสียลูกค้าไป 92% ทุกวัน เพราะลูกค้าไม่สามารถหาธุรกิจของคุณได้เมื่อค้นหาใน google นี่ไม่ใช่แค่การพลาดโอกาสขาย แต่เป็นการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง!
การทำ seo ช่วยลดค่าโฆษณาที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด
จากข้อมูล mckinsey & company ชี้ให้เห็นว่าค่าโฆษณาออนไลน์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 284% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ
facebook ads : เพิ่มขึ้น 340% ในตลาดไทย
google ads : เพิ่มขึ้น 450% ในหลายอุตสาหกรรม
line ads : ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการคลิกเพิ่มขึ้น 280%
การทำ seo ถ้าไม่ติดหน้า 1 ลูกค้าหาธุรกิจคุณได้น้อยกว่า
การศึกษาจาก stanford research institute พบว่า 91% ของผู้บริโภคแทบไม่เคยดูผลการค้นหาในหน้าที่ 2 ของ google ซึ่งหมายความว่าหากธุรกิจคุณไม่ปรากฏในหน้าแรก ลูกค้าแทบจะไม่เคยรู้จักคุณเลย
การทำ seo จำเป็นและส่งผลกระทบต่อกำไรและความเติบโต
ขณะที่ธุรกิจอื่นประหยัดได้หลักแสน คุณยังจ่ายเงินโฆษณาเพิ่มทุกเดือน ธุรกิจที่พึ่งพาโฆษณาเพียงอย่างเดียวมักเผชิญกับ
งบประมาณโฆษณาหมดเร็วขึ้น : โดยไม่ได้ลูกค้าเพิ่มตามสัดส่วน
ความไม่แน่นอน : เมื่อหยุดโฆษณา ยอดขายก็หยุดตาม
แรงกดดัน : ที่ต้องเพิ่มงบโฆษณาอย่างต่อเนื่อง

ทำไมการทำ seo จึงเป็นโซลูชันที่ดีที่สุด
ในโลกของธุรกิจยุคใหม่ การทำ seo ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลือกเสริม แต่เป็นกลยุทธ์หลักที่ไม่มีธุรกิจไหนสามารถมองข้ามได้ เหตุผลสำคัญคือ seo เป็นเพียงช่องทางเดียวที่ให้คุณเข้าถึงลูกค้าในช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการได้ดีที่สุด! อย่างที่ warren buffett จดจ่อกับการลงทุนในระยะยาว “the best investment is the one that pays you forever” นั่นคือสิ่งที่ seo ทำได้ สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาวิธีลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด พร้อมกับเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง sitetion and seo จะเผยเทคนิคและความลับที่ 99.7% ของเจ้าของธุรกิจยังไม่รู้ให้คุณได้รู้
ข้อมูลจากการศึกษาระดับโลกเกี่ยวกับการทำ seo
mit technology review เผยงานวิจัยที่ติดตามธุรกิจกว่า 10,000 แห่งเป็นเวลา 5 ปี พบว่า
- ธุรกิจที่ทำ seo ได้รับลูกค้าใหม่มากกว่าธุรกิจที่ทำโฆษณาเพียงอย่างเดียว 453%
- ค่าใช้จ่ายในการได้ลูกค้าหนึ่งคน (customer acquisition cost หรือ cac) ต่ำกว่า 67%
- อัตราการกลับมาซื้อซ้ำ (retention rate) สูงกว่า 78%
ทำไมการทำ seo ถึงให้ roi สูงขึ้น
1. ลูกค้าคุณภาพสูงกว่า คนที่ค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณใน google มีความต้องการชัดเจนกว่าคนที่เห็นโฆษณาแล้วคลิกด้วยความสนใจชั่วคราว
2. ต้นทุนระยะยาวต่ำกว่า เมื่อเว็บไซต์ขึ้นอันดับแล้ว จะได้รับ traffic อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาทุกครั้ง
3. ความน่าเชื่อถือสูงกว่า การศึกษาพบว่า 94% ของผู้บริโภคไว้วางใจผลการค้นหาธรรมชาติมากกว่าโฆษณา

7 เทคนิคลับการทำ seo ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตแบบ exponential
การทำ seo ในยุคปัจจุบัน ยังมีความพิเศษที่การโฆษณาทั่วไปไม่มี คือ “compound effect” หรือผลกระทบแบบทบต้น เมื่อเนื้อหาของคุณขึ้นอันดับแล้ว บทความ seo จะสร้างผลลัพธ์ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก ซึ่งตรงข้ามกับโฆษณาที่หยุดจ่าย ผลก็หยุดตาม จากการศึกษาเชิงลึกของ boston consulting group พบว่า ธุรกิจที่ใช้ seo ให้อัตราการเติบโตทางธุรกิจสูงกว่าธุรกิจที่พึ่งพาโฆษณาเพียงอย่างเดียว 278% ในช่วง 3 ปีแรก นอกจากนี้ยังพบว่าลูกค้าที่มาจาก seo มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่าลูกค้าจากโฆษณา 45% และมีความภักดีต่อแบรนด์สูงกว่า 67% และนี่คือ 7 เทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างการเติบโตแบบทวีคูณให้กับธุรกิจได้
1. ทำ content architecture strategy ด้วยโครงสร้างเนื้อหาที่ทำเงิน
ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์ customer journey
- ศึกษาว่าลูกค้าค้นหาอะไรในแต่ละขั้นตอนการซื้อ
- สร้างเนื้อหาตอบคำถามในทุกขั้นตอน
- ใช้เครื่องมืออย่าง google keyword planner หรือ semrush ช่วยคิดคีย์เวิร์ดหรือคำค้นที่ลูกค้ามักค้นหา
ขั้นตอนที่ 2 สร้าง topic clusters
- กำหนดหัวข้อหลัก (pillar content) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
- สร้างเนื้อหาย่อย (supporting content) ที่เชื่อมโยงกัน
- ใช้ internal linking เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหา
ตัวอย่างการนำไปใช้ หากคุณขายครีมบำรุงผิว ให้สร้างเนื้อหาตั้งแต่ วิธีดูแลผิว, เลือกครีมบำรุงผิวยังไง? ไปจนถึงเนื้อหาการรีวิวครีมบำรุงผิว
2. เพิ่ม technical seo foundation เพื่อให้ส่งเสริมเนื้อหา
ขั้นตอนที่ 1 ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์
- ใช้เครื่องมือ google pagespeed insights ตรวจสอบ
- บีบอัดรูปภาพก่อนอัปโหลด
- ใช้ cdn (content delivery network) เพื่อเร่งความเร็วเว็บไซต์
ขั้นตอนที่ 2 mobile-first optimization
- ตรวจสอบว่าเว็บไซต์แสดงผลดีบนมือถือหรือไม่
- ใช้ google mobile-friendly test
- ปรับแต่ง layout ให้เหมาะกับหน้าจอเล็ก
- ข้อมูลสำคัญ การศึกษาจาก google พบว่าเว็บไซต์ที่โหลดเร็วกว่า 3 วินาที มี conversion rate สูงกว่า 67%
3. ลงข้อมูล local seo domination เพื่อให้ธุรกิจครองตลาดท้องถิ่น
ขั้นตอนที่ 1 สร้าง google my business
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
- อัปโหลดรูปภาพคุณภาพสูง
- ตอบรีวิวลูกค้าทุกข้อความ
ขั้นตอนที่ 2 local citations
- ลงทะเบียนใน yellow pages, foursquare, tripadvisor
- ใช้ข้อมูลที่สอดคล้องกันทุกแพลตฟอร์ม
- สร้างเนื้อหาเกี่ยวกับท้องถิ่น
- ธุรกิจที่ทำ local seo เพิ่มเติม จะได้รับ 46% ของการค้นหาในท้องถิ่นมากขึ้น
4. สร้าง authority building system เพื่อทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ
ขั้นตอนที่ 1 content marketing strategy
- เขียนบทความที่ให้ประโยชน์จริง
- แชร์ความรู้และประสบการณ์
- มีบทความตอบคำถามที่ลูกค้าสงสัยอย่างครบถ้วน
ขั้นตอนที่ 2 expert positioning
- เขียนบทความแสดงความเชี่ยวชาญ
- ให้สัมภาษณ์กับสื่อในอุตสาหกรรม
- พูดในงานสัมมนาหรือจัดเวิร์กช็อป
- ข้อมูลจาก harvard business school brand ที่มี authority จะขายได้ในราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง 23% โดยเฉลี่ย
5. ปรับปรุง conversion rate optimizationเพื่อให้บทความดีเดิมขึ้น
ขั้นตอนที่ 1 a/b testing
- ทดสอบหัวข้อ, ปุ่ม, สี, รูปภาพ
- ใช้เครื่องมือ google optimize
- วิเคราะห์ผลและปรับปรุงบทความเมื่อจำเป็น
ขั้นตอนที่ 2 user experience enhancement
- ทำให้การสั่งซื้อง่ายขึ้น
- ลดขั้นตอนในการชำระเงิน
- แสดงรีวิวและเครื่องหมายความน่าเชื่อถือ
- สถิติที่น่าสนใจ การปรับปรุง ux อย่างเดียวสามารถเพิ่ม conversion rate ได้ถึง 200%
6. มี long-tail keywords strategy เพื่อเพิ่มคำค้นหาเฉพาะ
ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์คำค้นหาเฉพาะ
- ใช้ answer the public หาคำถามที่ลูกค้าถาม
- ศึกษา people also ask ใน google
- วิเคราะห์คำค้นหาจาก google search console
ขั้นตอนที่ 2 สร้างเนื้อหาตอบคำถาม
- เขียนบทความยาวที่ครอบคลุม
- ใส่คำค้นหาเฉพาะอย่างเป็นธรรมชาติ
- ใช้ faq section ตอบคำถามที่พบบ่อย
- ข้อมูลจาก semrush long-tail keywords มี competition ต่ำกว่า 70% แต่ conversion rate สูงกว่า 36%
7. เข้าถึงเครื่องมือ analytics & continuous improvement สำหรับวิเคราะห์
ขั้นตอนที่ 1 ติดตั้ง analytics
- google analytics 4 : สำหรับวิเคราะห์ผู้เข้าชม
- google search console : สำหรับ seo performance
- hotjar : สำหรับ user behavior analysis
ขั้นตอนที่ 2 สร้าง dashboard
- ติดตาม organic traffic
- วัด conversion rate
- ดู average session duration
ขั้นตอนที่ 3 monthly review & optimization
- วิเคราะห์ข้อมูลทุกเดือน
- ปรับปรุงหน้าที่ performance ไม่ดี
- สร้างเนื้อหาใหม่ตาม trend
สรุป
การทำ seo เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าการรอคอย! เพราะเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว หากคุณต้องเลือกระหว่างการจ่ายเงินโฆษณาทุกเดือนเพียงอย่างเดียว กับการลงทุนสร้างระบบที่ดึงลูกค้าให้คุณเองตลอดด้วยบทความ seo เสริมไปด้วย คุณจะเลือกอะไร? การตัดสินใจลงทุนกับ seo วันนี้ คือการเตรียมพร้อมสำหรับความสำเร็จให้กับธุรกิจในอนาคตและถ้าคุณสนใจหาคนเขียนบทความ seo พรีเมียมในราคาเริ่มต้นหลักร้อย ติดต่อ sitetion and seo ได้เลย