เมื่อเกิดวิกฤตใหญ่ๆ ขึ้นมาโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเสมอ อย่างในปี 2567 ทุกธุรกิจเปลี่ยนจากออฟไลน์เป็นออนไลน์ ส่งผลให้ต้องทำเว็บไซต์ต้องพึ่งบทความ SEO มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ารู้จักธุรกิจจากหน้าเว็บได้เยอะขึ้นกว่าเดิม แล้ว seo คืออะไร? จำเป็นมากไหมกับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลแบบนี้ Sitetion And SEO จะพาไปทำความเข้าใจแบบลงลึกแบบหลักสูตรรวบรัด ตั้งแต่ SEO กี่ตัวอักษรไปจนถึงการเลือกที่ทํา SEO ให้ติดหน้าแรก Google แบบเข้าใจได้ง่ายๆ ไปดูกัน
ทำความเข้าใจบทความ SEO สายการตลาดรู้จักแล้วจะรักเลย
เพราะการขายไม่ได้มีเพียงแค่การลงโฆษณาเพียงอย่างเดียว การทำบทความ SEO เป็นเทคนิคการขายในจำนวนมากๆ หรือที่เรียกว่าการทำตลาดออนไลน์กับคนหมู่มาก เป็นแนวทางในการตลาดที่ทำน้อยแต่ได้มาก แล้ว seo คืออะไร 2567 ก็คือการทำให้หน้าเว็บไซต์มีความน่าสนใจด้วยงานเขียนบทความ ที่ได้ถูกปรับแต่งโครงสร้างเป็นแบบ SEO (Search Engine Optimize) เรียบร้อยแล้ว
ส่งผลทำให้บทความที่เขียนในรูปแบบ SEO นั้นสามารถติดอันดับบนหน้าเว็บไซต์ Google ได้ หากบทความติดอันดับหน้าแรก google ได้จะดีอย่างไร? ก็ดีตรงที่จำนวนผู้เข้าชมมหาศาลจะหลั่งไหลเข้ามา เท่ากับเป็นการเพิ่มยอดลูกค้าใหม่ ให้เข้ามาทำความรู้จักสินค้าและแปรเปลี่ยนลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นลูกค้าประจำได้เลย
แบบนี้ก็ไม่ต้องลงโฆษณาเลยสิ? ตอบเลยว่าหากทำควบคู่กันจะส่งผลดีแบบทวีคูณ เพราะการทำโฆษณาเน้นเห็นผลเร็ว ได้ผลลัพธ์ทันที แต่เมื่อไม่ได้ลงโฆษณาต่อก็ไม่มีลูกค้า ส่วนงานเขียน SEO นั้นเป็นเกมยาว ทำการตลาดระยะยาววัดผล 3 เดือน, 6 เดือนและหลักปี เป็นการจ่ายเงินค่างานเขียนเพียงครั้งเดียว แต่บทความทำการตลาดให้ต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้สายการตลาดจะไม่หลงรักได้ยังไง
หากเขียนบทความธรรมดาไม่ปรับโครงสร้าง SEO จะทำให้บทความทั่วไปที่นำไปลงเว็บไซต์ ติดอันดับหน้าแรกได้บ้างไหม ตอบเลยว่า สามารถติดอันดับได้ ด้วยเหตุผลดังนี้
บทความทั่วไปสามารถติดอันดับบน google แบบบทความ SEO ได้ไหม
1. เป็นบทความที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องที่มีคนแข่งขันกันน้อย
2. เป็นบทความที่ให้ประโยชน์กับผู้อ่านได้มาก
3. เป็นบทความที่เขียนมาจากใจ อ่านแล้วทัชใจ มีแต่คนแชร์ให้
4. เป็นบทความที่มาจากประสบการณ์จริง
5. เป็นบทความที่อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย
เขียนบทความ SEO กี่ตัวอักษรถึงจะดีงามฝุดๆ
ในการเขียนบทความนั้นสามารถเริ่มต้นเขียนได้ตั้งแต่ 100 คำ, 200 คำ, 300 คำ, 400 คำหรือ 500 คำได้เลย ซึ่งเป็นจำนวนคำที่นับจาก Microsoft word ที่เหล่านักเขียนบทความนิยมเป็นจุดอ้างอิงสำหรับนับคำในงานเขียน นอกจากนี้ยังมีการใช้ Google Docs นับคำหรือใช้โปรแกรม open source อย่างโปรแกรม Libre Office นับคำด้วย แต่ว่ารูปแบบการนับคำอาจจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก แล้วควรเขียนจำนวนคำกี่คำหรือกี่ตัวอักษรดีถึงจะเหมาะสม
เขียนบทความ SEO กี่คำดีถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชื่นใจและเหมาะกับใคร
1. 500-600 คำ
เป็นบทความ SEO ที่สั้นกระชับ เน้นปริมาณ เหมาะกับกลุ่มผู้อ่านที่นิยมอ่านหาคำตอบสั้นๆ ไม่ชอบอะไรยาวๆ หากใครทำเว็บไซต์ SEO แนวบทความสั้นๆ แบบนี้จำเป็นต้องใช้เขียนบทความจำนวนมากเพื่อให้บทความติดอันดับได้ดียิ่งขึ้น
2. 800 คำ
เป็นตัวเลือกที่นักเขียนบทความ SEO หลายๆ คนชื่นชอบเพราะเชื่อว่าจะทำให้บทความจะติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ได้ดีขึ้นและเบียดคู่แข่งขึ้นไปได้ เหมาะสำหรับกลุ่มผู้อ่านที่ชอบอ่านเพื่อความสนุกหรือหาความรู้สั้นๆ ไม่ต้องลงรายละเอียดลึกมาก
3. 1,000 คำ
บทความกี่ตัวอักษรที่เป็นดั่งบทความมาตรฐานของงานเขียน สำหรับบทความ 1,000 คำนั้นถือว่าเป็นมาตรฐานหลักที่คนทำเว็บไซต์ SEO ควรมีติดเว็บเอาไว้ด้วย จะมีจำนวนคำที่ค่อนข้างยาวขึ้นมา เหมาะสำหรับเขียนบทความให้ลงรายละเอียดปลีกย่อยได้ลึกยิ่งขึ้นและที่สำคัญได้ใจผู้อ่านไปเต็มๆ เพราะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ให้กับผู้อ่านได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
4. 1,500 คำ
ถือว่าบทความ SEO ที่มีจำนวนคำยาวเหยียดแบบบทความ 1,500 คำนี้ เป็นความยาวที่ดีพร้อมต่อการนำเสนอข้อมูลระดับพรีเมียม สามารถสื่อสารทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเว็บไซต์นั้นได้อย่างเต็มที่ หากต้องการฟาดฟันเพื่อติดอันดับใน google แบบ 1 ใน 3 อันดับแรก บทความ 1,500 คำน่าจะตอบโจทย์มากที่สุด อีกทั้งยังช่วยทำให้ปิดการขายได้ง่ายยิ่งขึ้น มีโอกาสได้ฐานแฟนพันธ์ุแท้ที่ต้องการเป็นลูกค้าประจำกันยาวๆ อีกด้วย
5. 2,000 คำ
หากต้องการทำเว็บไซต์ SEO ให้นำเสนอเรื่องราวที่ดีพร้อม ต้องการสอนให้ความรู้อย่างชัดเจนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ บทความ 2,000 คำ เป็นบทความที่คู่ควรเป็นอย่างมาก ด้วยความยาวระดับมหากาพย์ ที่คนอ่านเองก็อาจจะเพลียได้ แต่บอกเลยว่าจะทำให้ดึงกลุ่มลูกค้าระดับ Intelligent เข้ามาเพียบ เหมาะสำหรับทำเป็นบทความสำหรับแนววิทยาศาสตร์, การแพทย์, การลงทุนหุ้น, ฟอเร็กซ์, คริปโต, ประวัติศาสตร์หรือแนวบทความที่ค่อนข้างต้องการความละเอียดเป็นพิเศษ
ระดับการเขียนบทความ SEO ที่ควรรู้จะได้ตอบได้ว่า เขียนบทความเอาเองดีไหม
หากจะเขียนบทความ SEO ลงในหน้าเว็บไซต์เองได้ไหม คำตอบก็คือสามารถเขียนเองได้เลย ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอะไร แต่ถ้าต้องการหวังผลติดอันดับใน google และต้องการให้บทความสามารถปิดการขายลูกค้าได้ เพื่อคาดหวังให้ลูกค้าเปิดใจเข้ามาซื้อสินค้าได้เยอะๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมองหาคนรับเขียนบทความ SEO ให้ ซึ่งในเรื่องของงานเขียนนั้นมีระดับการเขียนอยู่ หากนักเขียนมีความชำนาญมาก ก็จะส่งผลทำให้บทความกินใจผู้อ่านจนสามารถเปิดใจผู้อ่านได้และสามารถปิดการขายผู้อ่านออนไลน์ให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างแนบเนียน ซึ่งมีระดับการเขียนอยู่ 5 ระดับดังนี้
ระดับการเขียนบทความแบบคนเทสดี ที่ google รัก
การจะรับเขียนบทความ seo ออกมาได้ไม่ใช่แค่รู้วิธีการอ่านเขียน แต่คือการรู้วิธีว่าจะถ่ายทอดออกมาอย่างไรให้ผู้คนสามารถเข้าใจในสิ่งที่เขียนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการเขียนด้วยประสบการณ์ที่แตกต่าง จะช่วยให้การนำเสนอผลงานเขียนออกยูนีคและโดดเด่นมากที่สุด มาดูกันว่างานเขียนแต่ละระดับนั้นมีอะไรบ้าง
ระดับ 1 :
หัวใจสำคัญในการเขียนคือ เขียนให้อ่านง่าย ใครอ่านก็รู้เรื่อง
ระดับ 2 :
ขั้นสุดของการเขียนคือ เขียนให้อ่านสนุกน่าติดตามหรือเพิ่มเทรนด์ฮิต วลีฮิตลงในบทความให้ดูทันสมัย เช่น แบบนี้ก็ว้าวุ่นเลย เป็นต้น
ระดับ 3 :
งานเขียนพรีเมียมคือ เขียนให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมกับบทความ เขียนได้ลึกซึ้งกินใจคน เช่นทำให้คนหัวเราะได้, ทำให้คนซึ้งได้หรือทำให้คนรู้สึกกังวลได้
ระดับ 4 :
เขียนปิดการขายได้ ทำให้คนอ่านรู้สึกอยากและพลาดไม่ได้กับโปรโมชันดีๆ ในงานเขียนเกิดความกระตือรือร้นอยากเข้ามาซื้อเดี๋ยวนี้! ทันที!
ระดับ 5 :
งานเขียนระดับจิตวิญญาณ คืองานเขียนที่มีซิกเนเจอร์หรืออ่านปุ๊ปรู้เลยว่านี่ใครเขียน คืองานเขียนที่ลงจิตวิญญาณและตัวตนของนักเขียนลงไปในงาน
เลือกทํา SEO ให้ติดหน้าแรก Google กับที่ไหนดี
ว่าด้วยเรื่องการหาคนรับเขียนบทความ seo ที่ไหนดีมาทำบทความให้ จำเป็นต้องรู้เทคนิคดีๆ ในการเฟ้นหาคนเขียนบทความ SEO ให้ดังนี้
1. ติดต่อได้ง่าย
เพราะรูปแบบการทำงานของงานเขียนนั้นเป็นรูปแบบออนไลน์ หากสามารถติดต่อนักเขียนได้ง่าย ก็จะทำให้ผู้จ้างงานอุ่นใจได้มากกว่า
2. มีตัวอย่างผลงานเขียนให้ดู
หากต้องการเลือกนักเขียนคนไหนให้เขียนงานให้ สามารถขอชมผลงานเขียนที่ผ่านมา เพื่อดูรูปแบบการเขียน การใช้คำพูด ว่าตรงกับไลฟ์สไตล์เว็บไซต์ที่ทำมาไหม เพราะถ้าผู้ประกอบการต้องการบทความวิชาการจ๋าเลย แต่เลือกนักเขียนที่มีสไตล์การเขียนแบบโซเชียลและการเล่นคำ ก็อาจจะทำให้งานเขียนไม่ตรงกับความต้องการได้
3. มีราคาที่เหมาะสม
สอบถามราคาเขียนบทความ SEO เพื่อความแน่ใจ เพื่อให้ทั้งนักเขียนและผู้ว่าจ้างไปต่อด้วยกันได้ง่าย เพราะงานเขียน SEO เป็นเหมือนกับผลงานศิลปะชิ้นเอก ด้วยระยะเวลาในการเขียน, การตรวจสอบคีย์, การตรวจสอบความถูกต้องของบทความ, การเรียบเรียงคำพูดให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการและอีกหลายๆ เหตุผล ที่หากผู้ประกอบการธุรกิจรู้ขั้นตอนการทำ seo แล้วก็จะไม่คิดมากเรื่องราคาเลย
4. มีการส่งมอบงานที่ชัดเจน
สามารถทำงานได้ตรงตามบรีฟ ส่งมอบงานได้ตรงตามที่ต้องการ ตามกำหนดงานที่วางเอาไว้ เพื่อที่ถ้าผู้ว่าจ้างวางแผนงานทั้งเดือนเอาไว้ ก็จะได้รับงานเขียนตามแผนที่กำหนดแบบไม่มีขัดใจ
5. เชี่ยวชาญในงานเขียนโดยเฉพาะ
นักเขียนดีๆ ค่อนข้างหากยาก หากเจอแล้ว สามารถพลิกฟื้นเว็บไซต์จากที่ไม่มีจำนวนคนเข้าดู ให้กลายเป็นคนเข้าดูเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยทรงกราฟที่พุ่งขึ้นทะลุฟ้า แบบยากที่จะหาใครมาแทนเลยทีเดียว ซึ่งบางครั้งการดูแค่ผลงานเขียนยังไม่พอ อาจจะทดลองจ้างงานจำนวนน้อยๆ เพื่อดูผลงานเขียนที่เขียนออกมาอีกที ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้กับนักเขียนคนนี้
สรุป
โลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หากปรับตัวทันก็ทำให้ธุรกิจติดลมบน ทำธุรกิจอะไรก็ปังปุริเย่! อย่างบทความ SEO หากเข้ามาเรียนรู้แล้วปรับแผนธุรกิจให้รองรับโลกออนไลน์ ทำเว็บไซต์และเพิ่มบทความลงไป ก็จะทำให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือ มีการเติบโตแบบ S-Curve ในทิศทางที่ชี้ขึ้นแบบไม่สิ้นสุด ด้วยต้นทุนบทความเพียงน้อยนิด เพียงใช้เงินหมื่นแลกเงินแสน, เงินแสนแลกเงินล้าน, เงินล้านแลกเงินสิบล้าน, เงินสิบล้านแลกเงินร้อยล้านและเงินร้อยล้านแลกเงินหมื่นล้าน เพียงเข้าใจประโยคนี้ ก็จะรู้ได้เลยว่าทุกบาทที่จ่ายไปจะคืนกลับมามากกว่านั้นเสมอ สนใจเลือกใช้บริการ seo บทความราคาถูกใจที่พร้อมรันธุรกิจให้เติบโตได้รับผลลัพธ์คืนมาหลายเท่ากับ SitetionAndSEO ได้นะ แล้วจะเลิกคอนโทรลความเครียดหรือว่าที่คล้ายๆ เป็นกบหรือเปล่า เอ้ย อันนั้นเขียด! เพื่อหันมาคอนโทรลกำไรจากโลกออนไลน์แทน
credit รูปประกอบจาก “Designed by Freepik“
You must be logged in to post a comment.